ไบโอติน ผู้ที่เคยมีปัญหาผมร่วงมาก่อน ก็คงเคยได้ยินชื่อของอาหารเสริมตัวนี้กันมาบ้างนะครับ เเล้วทำไมไบโอตินถึงหยุดปัญหาผมร่วงได้ ในบทความนี้ก็จะมีพูดถึงประโยชน์ของไบโอตินที่มีต่อเส้นผม รวมถึงผลเสียที่จะเกิดจากการขาดไบโอตินมาให้อ่านกันดูนะครับ
ไบโอติน คือ วิตามินที่ช่วยทำให้เล็บและเส้นผมแข็งแรง!!!
สำหรับผู้ที่มีปัญหา เส้นผมหงอกก่อนวัย เส้นผมหลุดร่วงง่าย เล็บเปราะฉีกขาด ผิวหนังแห้งอักเสบง่าย มีอาการร่างกายอ่อนเพลียหมดแรง รู้สึกเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน มักจะเวียนหัว หรือมีอาการซึมเศร้า เหล่านี้บ้างไหม เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายของเรากำลังขาด…”ไบโอติน”
มารู้จัก ”ไบโอติน ” กัน
“ไบโอติน” ( Biotin ) มีอีกชื่อนึงว่า “ วิตามินเอช ” ( Vitamin H ) ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ปริมาณขนาดที่แนะนำในการรับไบโอติน คือ 100–300 ไมโครกรัม/วัน แต่หากว่าคุณทานมากเกินความจำเป็นร่างกายสามารถจะขับถ่ายออกมาได้เอง ซึ่งยังไม่พบผลข้างเคียงต่อร่างกาย เมื่อทานไบโอตินในปริมาณที่มากเกินไปด้วย
ไบโอตินหาได้จาก 2 แหล่ง คือ
- แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่สังเคราะห์ไบโอตินขึ้นมา
- การรับประทานอาหารประเภท ตับวัว ไข่แดง แป้งถั่วเหลือง นม เนยถั่ว และแป้งที่ไม่ขัดสี
สาเหตุของการขาดไบโอตินคือ
การที่เราทานพวกยาปฏิชีวนะ หรือกลุ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นระยะเวลานาน เพราะอาจไปทำลายแบคทีเรียในในลำไส้ใหญ่ที่สร้างไบโอตินได้ และในไข่ขาวดิบมีสารที่เรียกว่า “อะวิดิน”(Avidin) เป็นโปรตีนที่ลดการดูดซึมไบโอตินจากสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย
ไบโอตินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
- สามารถช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรงได้
- ช่วยบรรเทา อาการผมร่วง ศีรษะล้าน ช่วยระงับการเกิด ผมหงอกก่อนวัย
- ช่วยเรื่องผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ และช่วยรักษาโรคผิวหนังชนิดที่ต่อมไขมันมากเกินไป
- ทำให้ร่างกายของเราสามารถนำไขมันมาใช้ประโยชน์ได้ดีและช่วยนำไขมันมาสร้างเป็นกรดไขมันทำให้กระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ไม่มีปัญหา
*ปัญหาเส้นผมส่วนใหญ่มักมาจาก ภาวะการขาดไบโอติน ทั้งจากการทานยาปฏิชีวนะมากๆและทานไข่ขาวดิบจำนวนมากเกินไปจนไปขัดขวางการรับไบโอตินเข้าสู่ร่างกายไม่เพียงพอ เมื่อเราทราบแบบนี้แล้ว ตัวเราเองก็ต้องเลือกเองได้ว่าควรจะเสริมไบโอตินเพิ่มหรือไม่ ถึงอย่างไร และอยากให้บริโภคไบโอตินในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกรก่อนจะรับประทานยาเสริมทุกๆชนิดนะครับ ….
Biotin (ไบโอติน)…ในอาหาร
อาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อมีปริมาณไบโอตินอยู่น้อยมาก เช่น
- บริวเวอร์ยีสต์ 100 g ให้ไบโอติน 200 mcg
- ตับ 100 g ให้ไบโอติน 100 mcg
- ไข่แดง 100 g ให้ไบโอตินเพียงแค่ 50 mcg
- ถั่วเหลือง 100 g ให้ไบโอติน 60-70 mcg
- ซีเรียล 100 g ให้ไบโอตินไม่ถึง 30 mcg
- ผลไม้ และเนื้อสัตว์ยิ่งมีไบโอตินน้อยมาก โดยในผลไม้ หรือสเต๊คเนื้อ 100 g นั้น จะมีไบโอตินเพียงแค่ 0.6-2.3 mcg เท่านั้น
ดังนั้นถ้าเราไม่รับประทานอาหารจำพวกนี้ในปริมาณมากๆ ก็คงต้องการรับประทานสารสกัดจากวิตามินไบโอตินโดยตรง จะง่ายและสะดวกกว่าครับ
ภาวะผมร่วง เพราะขาดไบโอติน!!
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมเพราะ ภาวะขาดไบโอติน หมายถึง ภาวะผมร่วงมากจนผิดปกติ ผมขาวก่อนวัยอาการหนังศีรษะอักเสบ ผมขึ้นใหม่ผิดปกติ ผมเปราะง่าย ผมแตกปลาย รังแคเยอะและผิดปกติอื่นๆของหนังศีรษะและเส้นผม ที่อาจเกิดขึ้นได้
เมื่อร่างกายได้รับไบโอตินในปริมาณที่เพียงพอ ก็ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเซลล์เยื่อบุผิว อีกทั้งไบโอตินยังช่วยทำให้ร่างกายสร้างพลังงานระหว่างการออกกำลังกาย หรือกิจวัตรประจำวันต่างๆ นอกจากนี้ไบโอตินยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับรากผม หนังศีรษะ เส้นผม และความเรียบของผิวหนังอีกด้วย
หากร่างกายขาดไบโอตินมากเกินไป นอกจากจะมีผลทำให้ผมร่วงแล้ว ยังจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า, อ่อนเพลียเรื้อรัง, อาการชา, น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, ซีด และภูมิคุ้มกันลดลง
อาการขาดไบโอตินจะรักษาได้โดยการรับประทานไบโอตินเสริมเข้าไป เมื่อร่างกายได้รับวิตามินชนิดนี้ ก็จะช่วยรักษาภาวะผมร่วงได้ และหากทาน ก็จะช่วยให้ได้ผลดีในการรักษาโรคของผิวหนัง ผมและเล็บ ทำให้อาการผมร่วงผื่นแพ้ที่หนังศีรษะ ผมเปราะบางขาดง่าย ผมแตกปลาย รากผมเสียหายดีขึ้นได้จริง
ใครบ้างที่ควรรับประทานวิตามินไบโอติน
- ผู้ที่มีสภาวะผมร่วง
- ผู้ที่ชอบดัด ย้อม ยืด โกรกทำสีผม เป็นประจำ จนเกิดปัญหาเส้นผมไม่แข็งแรง หลุดร่วงง่าย
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเล็บ เช่น เล็บเปราะบาง ฉีกขาดง่าย
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดไบโอติน เช่น รับประทานยาปฏิชีวนะนานๆและผู้ที่รับประทานไข่ขาวดิบเป็นประจำ
ปริมาณไบโอตินที่เหมะสมกับการรับประทานในแต่ละวัน
- เพื่อช่วยลดอาการเส้นผมร่วง ปริมาณที่ควรจะได้รับต่อวัน 2,400 mcg (4 เม็ด)
- เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ปริมาณที่ควรจะได้รับต่อวัน 1,200 mcg (2 เม็ด)
- เพื่อรักษาอาการเล็บเปราะบาง ฉีกขาดง่าย ปริมาณที่ควรจะได้รับต่อวัน 2,400-3,600 mcg (4-6 เม็ด)
- เพื่อป้องกันการขาดไบโอติน ปริมาณที่ควรจะได้รับต่อวัน 600-1200 mcg (1-2 เม็ด)
“ไบโอติน (Biotin)” รู้จักกันในชื่อวิตามินเอชหรือ วิตามินบี 7
เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ไบโอตินเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ เส้นผม หนังศีรษะ มีสุขภาพดี และช่วยให้การเผาผลาญอาหารพวกแป้ง (carbohydrate) และไขมันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์หลักของไบโอติน: ช่วยทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ร่วมกับวิตามินบีตัวอื่นๆในการสังเคราะห์พลังงานสำรองไว้ใช้ นอกเหนือจากนี้ยังเป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งในการสังเคราะห์สร้างไขมัน กลัยโคเจนที่เก็บในกล้ามเนื้อที่เป็นแหล่งสำรองพลังงานของร่างกายในระยะสั้นด้วย
ภาวะขาดไบโอติน ที่สังเกตง่ายๆ คือ
- – ผิวหนังแห้งเป็นขุย ผมร่วง
- – ผมเปราะบาง, ผิวหนังมีผื่น
- – ติดเชื้อราได้ง่ายโดยเฉพาะเชื้อราแคนดิดา
- – ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง
- -มีอาการทางหัวใจ
การทานไบโอตินทานอย่างไรถึงจะได้ผล ?
ขนาดไบโอตินในบ้านเราที่วางขายส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 600 ไมโครกรัม
ก็สามารถรับประทานอย่างปลอดภัย หากจะทานวันละ 1 เม็ด
สำหรับดูแลเรื่องผม แต่มีข้อสังเกตุว่ารายงานการใช้ไบโอตินในผมพบว่ามีน้อยและปัญหาของเส้นผมยังมีปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้องมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธุกรรมนิสัยการที่ชอบดึงเส้นผม ความเครียดสะสม การดัด ไดร์ ย้อมสีผม โรคผิวหนังบางชนิด ขาดสารอาหารตัวอื่น หรือแม้แต่การใช้ยาบางตัวเป็นเวลานาน
ถึงแม้ว่าร่างกายของคนเรานั้นจะสามารถสร้างไบโอตินขึ้นมาได้เอง แต่เราก็ควรหมั่นดูแลร่างกายตัวเองด้วย โดยการทานอาหารที่มีไบโอติน ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอยู่เสมอ จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพดังกล่าวได้ดีครับ
นอกจาก Biotin ที่ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงแล้วยังมี Zinc ที่จะช่วยแก้ปัญหาได้เหมือนกันเราลองไปทำความรู้จักกันครับ ในบทความ zinc คือ อะไร ? ทำไมมันถึงทำให้ผมหยุดร่วงได้ !! แล้วอย่าพลาดบทความดี ๆ ในเว็บฮาวิล่าห์นะครับ หากคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์แล้วละก็ฝากแชร์ ไปให้เพื่อน ๆ ได้อ่านดูด้วยนะครับ